Loading...

ข้อมูลโครงการพิเศษ

  PDF

โครงการบริหารจัดการศึกษาเรียนรวม

โรงเรียน : ศรีปทุมพิทยาคม สพม.สุรินทร์

ประเภท : โรงเรียนจัดการศึกษาพิเศษเรียนร่วม

ผลการประเมิน : 0.00

เผยแพร่เมื่อ : 14 ก.ย. 2561 โดย : นาสาวอรณิช เขตขยัน จำนวนผู้เข้าชม 111 คน


ชื่อโครงการ/กิจกรรม โครงการบริหารจัดการศึกษาเรียนรวม
ประเภท โรงเรียนจัดการศึกษาพิเศษเรียนร่วม
ปีการศึกษา 2553
มาตรฐาน มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน
มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ
มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ผู้รับผิดชอบ
ความเป็นมา การจัดการศึกษาแบบเรียนรวม จะต้องร่วมมือกันระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน รวมทั้งผู้ปกครองและชุมชน โดยปลูกฝังด้านจิตสำนึกและเจตคติเกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้แก่เด็กทุกคนโดยคำนึงถึงศักยภาพความแตกต่างระหว่างบุคคล หรือความบกพร่องเฉพาะบุคคล ซึ่งจะให้สิทธิเท่าเทียมกันทุกคน โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลใดเป็นพิเศษเฉพาะ
ลักษณะเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
ความบกพร่องทางการเรียนรู้หมายถึงความบกพร่องเกี่ยวกับกระบวนการทางจิตวิทยา ซึ่งทำให้มี ปัญหาในการเรียนรู้ด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ  หรือ คณิตศาสตร์ร่วมกับบุคคลที่มีความบกพร่องจากการได้รับบาดเจ็บหรือกระทบกระเทือนระบบประสาทส่วนกลาง (Brain injury) แต่ไม่รวมถึงผู้ที่มีปัญหาที่เกิด จากความบกพร่องทางการได้ยิน ทางการเห็น ทางสติปัญญารวมถึงความบกพร่องทางอารมณ์และเสียเปรียบทาง สภาพแวดล้อม
 
วัตถุประสงค์ 1.  เพื่อดำเนินการบริหารจัดการกระบวนการเรียนรวมให้เกิดประสิทธิภาพแก่ผู้เรียน
ให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิต สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
2.  เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการเรียนรวมให้เป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติงานคือครูผู้เป็นหัวใจสำคัญของการนำไปใช้พัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลดีกับผู้เรียน
 
เป้าหมาย
ระยะเวลา 14 ก.ย. 2561 - 14 ก.ย. 2561
สถานที่ดำเนินการ โรงเรียนศรีปทุมพิทยาคม
ตัวชี้วัด                     5.1  สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พ.ศ. 2550  มาตรา 49 ได้บัญญัติไว้ว่าบุคคลย่อมมีสิทธิเสมอภาคกัน ในการได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช่จ่าย ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพหรือผู้อยู่ในสภาวะลำบาก ต้องได้รับสิทธิตามวรรคหนึ่งและการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อให้ได้รับการศึกษาเทียบเท่ากับบุคคลอื่น
                    5.2  สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ในมาตรา 10  การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา  อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ หรือบุคคลที่ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแลหรือผู้ด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังนี้มีสิทธิ์และโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ  การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการในวรรคสอง ให้จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือตั้งแต่ที่พบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษ ต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคลนั้น
                    หมวด 4 แนวทางจัดการศึกษา
                    มาตรา 22 หลักการจัดการศึกษา  ต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ
                    มาตรา 26 การประเมินผลการเรียนรู้ พิจารณาจากพัฒนาการผู้เรียน สังเกตพฤติกรรม
การเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบควบคู่กันไปตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา แล้วนำผลการประเมินดังกล่าวมาใช้ประกอบในการพิจารณาในการจัดสรรโอกาสเข้าศึกษาต่อ โดยวิธีการที่หลากหลาย
                    5.3  สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ  พ.ศ. 2551  มาตรา 5  คนพิการมีสิทธิทางการศึกษา ดังนี้
                        (1)  ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการจนตลอดชีวิต พร้อมทั้งได้รับเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อและความช่วยเหลือต่างๆ ใน
ด้านการศึกษา
                        (2)  เลือกการบริการทางการศึกษา ระบบและรูปแบบทางการศึกษา โดยคำนึงถึงความสามารถ ความสนใจ  ความถนัดและความต้องการความจำเป็นพิเศษของบุคคลนั้น
                        (3)  ได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานและประกันคุณภาพทางการศึกษา รวมถึงการจัดการหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ การทดสอบทางการศึกษาที่เหมาะสม สอดคล้องกับความจำเป็นพิเศษของบุคคลนั้นๆ โดย
                     -  ให้สถานศึกษาทุกสังกัดจัดสภาพแวดล้อม จัดระบบการเรียนการสอนตลอดจนการบริการเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและให้ความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษาที่คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้
                     -  สถานศึกษาใดปฏิเสธไม่รับคนพิการเข้าศึกษา  ให้ถือเป็นเลือกการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมตามกฎหมาย
                     -  ให้สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สนับสนุนผู้ดูแลคนพิการและประสานความร่วมมือจากชุมชนหรือนักวิชาชีพ เพื่อให้คนพิการได้รับการศึกษาทุกระดับ หรือการบริการทางการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของคนพิการ
                    5.4  ดำเนินการตามจุดเน้นของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๓๓ ในด้านการขยายโอกาสและพัฒนาศักยภาพของเด็กด้อยโอกาสและเด็กพิการเรียนรวม
                    5.5  สนองเป้าหมายการพัฒนาของโรงเรียน ในด้านการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตรและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน ภาคเอกชนและหน่วยงานในท้องถิ่น ในการจัดการศึกษาให้กับเด็กพิเศษทุกคน
 
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
สรุปคะแนนประเมิน 0.00
ไฟล์ประกอบ 7โครงการบริหารจัดการศึกษาเรียนรวม.docx
ขั้นเตรียมการ
ขั้นดำเนินการ              การเรียนรู้ของเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ ผ่านกระบวนการทำงานของสมอง  และพบว่าความบกพร่องทางกระบวนการเรียนรู้  ส่วนหนึ่งมาจากความบกพร่องในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของสมอง  จึงส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้  ดังนั้น  วิธีการจัดการเรียนรู้หรือการหาช่องทางการสอนที่สอดคล้องกับปัญหาของเด็ก  จะเป็นวิธีการที่จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้  โดยมีหลักการที่เหมาะสม  ดังนี้
           1. สอนจากสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน  การเริ่มต้นที่ดีควรเริ่มสอนในสิ่งที่ต่ำกว่าความสามารถของเด็กเล็ก
น้อย  เพื่อให้เด็กมีกำลังใจ  มั่นใจ  และพร้อมจะเรียนในระดับยากต่อไปได้
           2.ให้เด็กมีความสุขในการเรียน  เด็กที่มีความสุขในการเรียนจะมองคนในแง่ดี  และสามารถสร้าง
วามสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและครูได้
          3.ให้การเสริมแรงอย่างสม่ำเสมอ  คำชมจากครูเป็นสิ่งสำคัญเด็กจะรู้สึกมีกำลังใจและพยายามมากขึ้น
          4.ให้เด็กเรียนจากเพื่อน  (เพื่อนช่วยเพื่อน)  เพราะเด็กเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ เรียนรู้คนเดียวได้ไม่ดี     แต่จะเรียนรู้ได้เมื่อเรียนกับเพื่อน
         5.จัดห้องเรียนให้เอื้อต่อการเรียน  เด็กเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ ส่วนใหญ่จะมีอาการสมาธิสั้นร่วมด้วย  ห้องเรียนจึงควรมีความเป็นระเบียบ  สวยงาม  มีเสียงรบกวนจากภายนอกน้อยที่สุด
         6.มองหาจุดเด่นของเด็ก  ส่งเสริมให้เด็กแสดงความสามารถพิเศษ  หรือเป็นคนเก่งในจุดที่เด็ก
มีศักยภาพ
          7.สอนโดยการเน้นย้ำซ้ำทวน  เด็กเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ จะเรียนรู้ช้า  เรียนได้หน้าลืมหลัง  ครูควรใช้วิธีการกระตุ้นความจำ  เช่น  ให้เด็กทำกิจกรรมนั้นซ้ำบ่อย ๆ ด้วยวิธีการรับรู้ที่หลากหลายจากการดู  การฟังการสัมผัส
          8.ใช้คำสั่งที่สั้นและเข้าใจง่าย  ในหนึ่งคำสั่งไม่ควรให้ทำหลาย ๆ กิจกรรม  และให้เด็กทบทวน
คำสั่งก่อนลงมือปฏิบัติ
          9.พยายามให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากเด็กมักขาดวินัย ขาดความรับผิดชอบ ขาดการจัดลำดับและมักไม่รอบคอบ ครูผู้สอนควรให้ความช่วยเหลือ
          10.ให้เวลามากขึ้น  เนื่องจากเด็กจะทำงานช้า เรียนช้า การให้ทำการบ้านและการทำแบบฝึกหัด
จึงควรมีเวลาให้เด็กมากกว่าเด็กทั่วไป
          11.มอบงานให้เหมาะสม การมอบให้เด็กทำงานแต่ละครั้งไม่ควรให้ครั้งละมาก ๆ แต่อาจมอบบ่อยขึ้น (เพื่อให้เท่ากับเด็กคนอื่น )
          12.สรุปเรื่องก่อนสอน เด็กจะเรียนรู้ได้ดีขึ้นหากมีการสรุปเรื่องที่จะเรียนให้เด็กฟังก่อนที่จะเรียนเรื่องนั้นๆ
          13.ใช้อุปกรณ์ช่วย อนุญาตให้เด็กใช้เครื่องคิดเลข คอมพิวเตอร์ เทปบันทึกเสียง  เพื่อช่วยให้เด็ก
สามารถเรียนรู้ได้
          14.ให้เรียนรู้จากการปฏิบัติ เด็กเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติและร่วมกิจกรรมมากกว่าการฟังการสอนจากครู
          15.ปรับเอกสารการเรียนการสอน  เนื่องจากเด็กเด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ มีปัญหาการรับรู้ทางสายตาเอกสารการเรียนการสอนต่าง ๆ จึงควรมีการปรับให้เหมาะสม  เช่น  พิมพ์ขนาดตัวอักษรขนาดใหญ่ขึ้น เน้นคำข้อความสำคัญในหนังสือ   ให้ทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ลงในกระดาษกราฟ  หรือให้เขียนในกระดาษที่มีเส้นบรรทัด  เป็นต้น
 
ขั้นตรวจสอบประเมินผล
ขั้นสรุปและรายงาน
งบประมาณ
การบรรลุตัวชี้วัด 8.1 ผลสำเร็จเชิงปริมาณ
8.1.1  นักเรียนเรียนร่วมทุกคนได้รับการพัฒนาทั้งทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคมและ สติปัญญา
8.2.1  ครูทุกคนจัดการเรียนการสอนตามแบบ IEP  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8.1.3  ผู้ปกครองร้อยละ 80  ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมที่ทางโรงเรียนกำหนด
8.2  ผลสำเร็จเชิงคุณภาพ
8.2.1  นักเรียนเรียนร่วมได้รับการพัฒนา สามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
8.2.2  ครูมีความรู้ความเข้าใจ สามารถใช้สื่อ และจัดกิจกรรมได้อย่างหลากหลาย
8.2.3  ผู้ปกครองยอมรับและเข้าใจ พร้อมให้ความร่วมมือกับกิจกรรมของทางโรงเรียน
 
ความพึงพอใจ 8.3  ความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง
8.3.1  ครูกลุ่มเป้าหมายเกิดความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานการจัดการเรียนร่วมมากกว่าร้อยละ 80
8.3.2  นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย เกิดความพึงพอใจต่อระบบการดูแลช่วยเหลือ อำนวยสิ่งที่เป็น
          ประโยชน์มากกว่าร้อยละ 80
8.3.3  ผู้ปกครองเกิดความพึงพอใจต่อระบบการดูแลช่วยเหลือ อำนวยสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับเด็กพิการเรียนร่วม
 
ปัญหาและอุปสรรค
ข้อเสนอแนะ
รูปภาพประกอบ