ชื่อโครงการ/กิจกรรม |
โครงการ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน |
ประเภท |
โรงเรียนมาตรฐานสากล (World-Class Standard School) |
ปีการศึกษา |
2563 |
มาตรฐาน |
มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน
1.1 ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน 1.2 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน
|
ผู้รับผิดชอบ |
|
ความเป็นมา |
การสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ หมายถึงความพยายามในการปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีคุณภาพตรงตามตัวชี้วัด สมรรถนะ ๕ ประการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ด้านตามหลักสูตร เพื่อพัฒนาและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้ง ๘ กลุ่มสาระ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตรงตามหลักสูตร สถานศึกษาวางแผนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้นส่งเสริมให้มีการพัฒนาต่อเนื่อง และยกระดับผลสัมฤทธิ์บางกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ยังต่ำอยู่ให้สูงขึ้น ส่งเสริมพัฒนาให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถ โดยศึกษาผู้เรียนเป็นรายบุคคลเพื่อนำผลวิเคราะห์มาวางแผนแก้ปัญหาการเรียนการสอนให้กับผู้เรียนทุกคนเต็มศักยภาพ โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยี จัดกิจกรรมทักษะทางวิชาการ กระบวนการจัดการเรียนรู้ จัดระบบการสอนแทน สอนเสริมให้ผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดให้มีโครงการนี้ขั้นมา
|
วัตถุประสงค์ |
เชิงปริมาณ ( เพื่อ )
๑. เพื่อพัฒนา/ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้สูงขึ้น
๒. เพื่อแก้ปัญหาให้กับนักเรียนที่มีปัญหาด้านการเรียนมีผลการเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินของสถานศึกษา
๓. นักเรียนโรงเรียนนบพิตำวิทยา สามารถใช้วิธีการสรุปความรู้ โดยฝังความคิดทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ (Best Practice)
๔. เพื่อให้ครูและนักเรียนมีสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ(DLIT) ใช้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
๕. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ทุกคนได้เรียนปรับพื้นฐาน
๖. เพื่อจัดระบบให้มีการสอนแทนและสอนชดเชยชั่วโมงเรียนของนักเรียนทุกระดับชั้นให้ได้ครบตามโครงสร้างของหลักสูตร
เชิงคุณภาพ ( ผลการดำเนินการ )
๑. นักเรียนมีผลคะแนนเฉลี่ยทางการเรียนระดับโรงเรียนแต่ละกลุ่มสาระผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
๒. นักเรียนที่มีปัญหาด้านการเรียนทุกคนมีผลการเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักสูตรของสถานศึกษา
๓. นักเรียนมีมีสมาธิ สามารถสรุปความรู้รวบยอดได้ พัฒนา/ผลการเรียนใน ๘ กลุ่มสาระวิชา และมีความสุขในการเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนที่เรียน
๔. ครูและนักเรียนมีสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ(DLIT) ใช้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ ร้อยละ ๙๕
๕. นักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ได้เรียนปรับพื้นฐาน ร้อยละ ๙๐
๖. นักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ผ่านเกณฑ์การประเมินผล ร้อยละ ๗๐
๗. สถานศึกษาสามารถนำข้อมูลจากการประเมินผลจากการนเรียนปรับพื้นฐานไปใช้ในการวิเคราะห์จัดชั้นเรียน
๘. นักเรียนได้รับความรู้เสริมนอกเหนือจากบทเรียนอย่างกว้างขวาง
๙. นักเรียนทุกระดับชั้นมีชั่วโมงเรียนครบตามโครงสร้างของหลักสูตร |
เป้าหมาย |
เชิงปริมาณ (ค่าเป้าหมาย/ กลุ่มเป้าหมายใด = จำนวน )
๑. กลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระ ได้พัฒนาและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ม.๑-ม.๖ ระดับโรงเรียนสูงขึ้น
๒. นักเรียนระดับชั้น ม.๓ และม.๖ ที่มีปัญหาด้านการเรียนมีผลการเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักสูตรของสถานศึกษา
๓. นักเรียนที่ใช้กระบวนการสรุปงานแบบสอนโดยฝังความคิด ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ (Best Practice) ร้อยละ ๘๐ มีความสามารถด้านทักษะการอ่าน การเขียน การสื่อสาร และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดปีการศึกษา
๔. นักเรียนเรียนวิชาการเขียนร้อยละ ๘๐ มีพื้นฐานในการทำหนังสือเล่มเล็ก และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนวิชาอื่นได้อย่างเหมาะสม
๕. นักเรียนทุกคนมีทักษะชีวิต มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการสื่อความ ตามมาตรฐานการศึกษา
๖. ครูและนักเรียนมีสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ(DLIT) ใช้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
๗. นักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ทุกคนได้รับการส่งเสริมให้เรียนปรับพื้นฐาน
๘. นักเรียนทุกระดับชั้นมีชั่วโมงเรียนครบครบตามโครงสร้างของหลักสูตร
เชิงคุณภาพ (ค่าเป้าหมาย/ กลุ่มเป้าหมายใด = ร้อยละ)
๑. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ มีผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรเป็นไปตามเกณฑ์ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
๒. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ผ่านเกณฑ์การประเมินของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้
๓. ร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนระดับชั้น ม.๓ และ ม.๖ ที่มีปัญหาด้านการเรียนมีผลการเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักสูตรของสถานศึกษา
๔. ร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนโรงเรียนนบพิตำวิทยาที่เรียนใน ๘ กลุ่มสาระวิชา มีทักษะพื้นฐานในการสรุปความรู้เป็นผังความคิด
๕. ร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนโรงเรียนนบพิตำวิทยา ที่เรียน ๘ กลุ่มสาระวิชาที่เขียนไม่คล่อง มีทักษะในการเขียนได้เพิ่มขึ้นและเป็นไปตามเกณฑ์
๖. ร้อยละ ๙๕ ของครูและนักเรียนมีสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ(DLIT) ใช้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
๗. ร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ได้เรียนปรับพื้นฐาน
๘. ร้อยละ ๗๐ ของนักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ผ่านเกณฑ์การประเมินผล
๙. สถานศึกษาสามารถนำข้อมูลการประเมินผลจากการเรียนปรับพื้นฐานไปใช้ในการวิเคราะห์จัดชั้นเรียน
๑๐. ร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนได้รับความรู้เสริมนอกเหนือจากบทเรียนอย่างกว้างขวาง และมีชั่วโมงเรียนครบครบตามโครงสร้างของหลักสูตร
|
ระยะเวลา |
29 ก.ค. 2563 - 29 ก.ค. 2563 |
สถานที่ดำเนินการ |
โรงเรียนนบพิตำวิทยา |
ตัวชี้วัด |
เชิงปริมาณ
๑. กลุ่มสาระการเรียนรู้มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
๒. นักเรียนที่มีปัญหาด้านการเรียนมีผลการเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักสูตรของสถานศึกษา
๓. นักเรียนที่ใช้กระบวนการสรุปงานแบบสอนโดยฝังความคิด ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ (Best Practice) ร้อยละ ๘๐ มีความสามารถด้านทักษะการอ่าน การเขียน การสื่อสาร และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดปีการศึกษา
๔. นักเรียนเรียนวิชาการเขียนร้อยละ ๘๐ มีพื้นฐานในการทำหนังสือเล่มเล็ก และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนวิชาอื่นได้อย่างเหมาะสม
๕. นักเรียนทุกคนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการสื่อความ ตามมาตรฐานการศึกษา
๖. ครูและนักเรียนมีสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ(DLIT) ใช้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
๗. นักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ทุกคนได้รับการส่งเสริมให้เรียนปรับพื้นฐาน
๘. นักเรียนทุกระดับชั้นมีชั่วโมงเรียนครบครบตามโครงสร้างของหลักสูตร
เชิงคุณภาพ
๑. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ มีผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรเป็นไปตามเกณฑ์ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
๒. ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ผ่านเกณฑ์การประเมินของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้
๓. ร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนระดับชั้น ม.๓ และ ม.๖ ที่มีปัญหาด้านการเรียนมีผลการเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักสูตรของสถานศึกษา
๔. ร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนโรงเรียนนบพิตำวิทยาที่เรียนใน ๘ กลุ่มสาระวิชา มีทักษะพื้นฐานในการสรุปความรู้เป็นผังความคิด
๕. ร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนโรงเรียนนบพิตำวิทยา ที่เรียน ๘ กลุ่มสาระวิชาที่เขียนไม่คล่อง มีทักษะในการเขียนได้เพิ่มขึ้นและเป็นไปตามเกณฑ์
๖. ร้อยละ ๙๕ ของครูและนักเรียนมีสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ(DLIT) ใช้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
๗. ร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ได้เรียนปรับพื้นฐาน
๘. ร้อยละ ๗๐ ของนักเรียนชั้น ม.๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ผ่านเกณฑ์การวัดผลประเมินผล
๙. สถานศึกษาสามารถนำข้อมูลจากการประเมินผลจากการเรียนปรับพื้นฐานไปใช้ในการวิเคราะห์จัดชั้นเรียน
๑๐. ร้อยละ ๙๐ ของนักเรียนได้รับความรู้เสริมนอกเหนือจากบทเรียนอย่างกว้างขวาง และมีชั่วโมงเรียนครบครบตามโครงสร้างของหลักสูตร
|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ |
|
สรุปคะแนนประเมิน |
0.00 |
ไฟล์ประกอบ |
|
ขั้นเตรียมการ |
|
ขั้นดำเนินการ |
|
ขั้นตรวจสอบประเมินผล |
|
ขั้นสรุปและรายงาน |
|
งบประมาณ |
|
การบรรลุตัวชี้วัด |
|
ความพึงพอใจ |
|
ปัญหาและอุปสรรค |
|
ข้อเสนอแนะ |
|
รูปภาพประกอบ |
|