ชื่อโครงการ/กิจกรรม |
ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้โรงเรียนประณีตวิทยาคม |
ประเภท |
โรงเรียนนำร่องโครงการตามนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ |
ปีการศึกษา |
2559 |
มาตรฐาน |
มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน
1.1 ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน 1.2 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ
2.1 มีเป้าหมายวิสัยทัศน์และพันธกิจที่สถานศึกษากำหนดขัดเจน 2.2 มีระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศึกษา 2.3 ดำเนินงานพัฒนาวิชาการที่เน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษาและทุกกลุ่มเป้าหมาย 2.4 พัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ 2.5 จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ 2.6 จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3.1 จัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริงและสามารถนำไปประยุกต็ใช้ในชีวิตได้ 3.2 ใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 3.3 มีการบริหารจัดการชั้นเรียบเชิงบวก 3.4 ตรวจสอบและประเมินผู้เรียนอย่างเป็นระบบและนำผลมาพัฒนาผู้เรียน 3.5 มีการแลกเปลียนเรียนรู้และให้ข้อมูลสะท้อนกลับเพื่อพัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ |
ผู้รับผิดชอบ |
|
ความเป็นมา |
การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เป็นกรอบวิสัยทัศน์ ด้านการศึกษา เพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมเข้าสู่การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของไทยนั้น สอดคล้องกับของหลายประเทศที่เป็นผู้นำด้านการศึกษาของโลก ที่เห็นพ้องกันกับแนวคิดสำคัญในศตวรรษที่ 21 เรื่องของจิตสำนึกต่อโลก ความรู้พื้นฐานการประกอบสัมมาอาชีพ ความรู้พื้นฐานด้านพลเมือง สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 อันได้แก่ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี ทักษะการทำงาน ทักษะชีวิตที่ใช้ได้จริง โลกกำลังเปลี่ยนแปลง คนที่มีความรู้และทักษะในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้เท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” มาสู่การปฏิบัติในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม ครูผู้สอนมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนได้ปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น นักเรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพ และมีความสุขในการเรียนรู้อย่างแท้จริง
การจัดโครงการ ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ของสถานศึกษาต้องจัดให้ครอบคลุมหลักองค์ 4 แห่งการศึกษา ได้แก่ 1) ด้านพุทธิศึกษา คือ ความรอบรู้วิชาการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต การศึกษา และการเรียนรู้ 2) ด้าน จริยศึกษา คือ การมีศีลธรรมจรรยาที่ดี มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีสำนึกที่ดีต่อส่วนรวม 3) ด้านหัตถศึกษา คือ ความรู้และทักษะในการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนคติที่ดีต่องาน และเห็นคุณค่าของการทำงาน 4) ด้านพลศึกษา คือ การมีสุขภาพแข็งแรง การกินอาหารที่ถูกต้อง และการออกกำลังกายให้เหมาะสม รวมทั้งความสะอาดและสุขาภิบาลด้วย
แนวทางการบริหารจัดการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินโครงการโดยคำนึงถึงความถนัดของผู้เรียน ความสอดคล้องกับสภาพหรือบริบทของสถานศึกษา ควบคู่กับการวิจัยติดตาม ประเมินผล นิเทศติดตาม และนำผลการวิจัยหรือประเมินเพื่อพัฒนาโครงการ
ตามที่กล่าวมาการจะพัฒนาโครงการตามแนวทางนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ต้องใช้การวิจัยและการประเมินเพื่อให้ได้สารสนเทศสำหรับการพัฒนาปรับปรุง โดยสารสนเทศที่ได้จากการประเมิน ต้องได้มาจากการวัดและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ มีหลักฐาน และเชื่อถือได้ หลายครั้งที่ผู้วางแผนและดำเนินโครงการไม่เห็นถึงคุณค่าของการประเมิน ส่งผลให้หลังจากเสร็จสิ้นการจัดโครงการ ผู้จัดไม่ทราบถึงข้อเด่น ข้อด้อย ข้อควรพัฒนา และผลผลิตที่ได้จากการดำเนินโครงการ
โรงเรียนประณีตวิทยาคม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17 มีสภาพของสถานศึกษาเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีจำนวนบุคลากร 10 คน และ นักเรียน 93 คน เป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่ดำเนินโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ตามนโยบายของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหม่ สถานศึกษาจึงสนใจว่าผลผลิตที่ได้จากการดำเนินโครงการจะบรรลุตามเป้าประสงค์ในด้านองค์ 4 แห่งการศึกษาของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือไม่ โรงเรียนประณีตวิทยาคมจึงมีความต้องการจะประเมินองค์ 4 แห่งการศึกษาของนักเรียนแต่ละคน ที่เกิดจากการร่วมโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนานักเรียนแต่ละคนตามความถนัดและความต้องการของนักเรียน และหากนำสารสนเทศของนักเรียนแต่ละคนมาพิจารณาโดยภาพรวม สถานศึกษาจะเข้าใจถึงความต้องการของนักเรียนกระทั่งนำไปสู่การกำหนดทิศทางหรือแผนในการจัดกิจกรรมใด ๆ ที่จะจัดขึ้นในครั้งต่อไปได้ ซึ่งเป็นการต่อยอดไปสู่ทิศทางในการพัฒนาของสถานศึกษาในอนาคต
|
วัตถุประสงค์ |
เพื่อประเมินองค์ 4 แห่งการศึกษา คือ พุทธิศึกษา (Head) จริยศึกษา (Heart) หัตถศึกษา (Hands) และ พลศึกษา (Health) ของนักเรียนโรงเรียนประณีตวิทยาคมแต่ละคน จากการร่วมกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 |
เป้าหมาย |
กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 โรงเรียนประณีตวิทยาคม จำนวน 93 คน ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 ที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ |
ระยะเวลา |
30 พ.ค. 2559 - 14 ก.ย. 2559 |
สถานที่ดำเนินการ |
โรงเรียนประณีตวิทยาคม |
ตัวชี้วัด |
|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ |
สถานศึกษาได้สารสนเทศเกี่ยวกับองค์ 4 แห่งการศึกษา คือ พุทธิศึกษา (Head) จริยศึกษา (Heart) หัตถศึกษา (Hands) และ พลศึกษา (Health) ของนักเรียนโรงเรียนประณีตวิทยาคมแต่ละคน ซึ่งสถานศึกษาสามารถนำสารสนเทศนี้ไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงโครงการหรือกิจกรรม ตลอดจนเป็นฐานสำหรับการต่อยอดไปสู่การวางแผนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของสถานศึกษาเพื่อการพัฒนานักเรียนต่อไป |
สรุปคะแนนประเมิน |
0.00 |
ไฟล์ประกอบ |
|
ขั้นเตรียมการ |
|
ขั้นดำเนินการ |
|
ขั้นตรวจสอบประเมินผล |
|
ขั้นสรุปและรายงาน |
|
งบประมาณ |
1,890 บาท |
การบรรลุตัวชี้วัด |
|
ความพึงพอใจ |
|
ปัญหาและอุปสรรค |
1. ผลการประเมินที่พบว่า “นักเรียนมีพุทธิพิสัยหรือระดับด้านพฤติกรรมความรู้ในขั้นพื้นฐาน” ควรส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกทักษะในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า ในการแก้ปัญหาการปฏิบัติงานของนักเรียน และมีการตั้งปัญหาของครูผู้ควบคุมให้นักเรียนลองฝึกปฏิบัติหรือแก้ปัญหา หรือกลวิธีการสอนที่เน้นการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาทักษะในการคิดขั้นสูงของนักเรียน
2. ผลการประเมินที่พบว่า “ในบางครั้งที่นักเรียนพบปัญหาจากการปฏิบัติงาน นักเรียนไม่สามารถแก้ปัญหานั้น ๆ หรือปฏิบัติให้เกิดความถูกต้องได้” เป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อที่ 1. คือนอกจากจะฝึกให้นักเรียนแก้ปัญหาแล้ว ควรปรับปรุงแหล่งการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการศึกษาค้นคว้าของโรงเรียนให้มากขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาหาข้อมูลเพื่อนำไปสู่การหาแนวทางที่ถูกต้องเป็นฐานสำหรับการแก้ปัญหา และโรงเรียนควรมีการจัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอกับการฝึกการแก้ปัญหาหรือการลองผิดลองถูกหรือโอกาสที่จะให้นักเรียนได้ปฏิบัติหลายครั้ง ทั้งนี้อาจรวมถึงการจัดสรรช่วงเวลานอกการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่สนใจในการพัฒนางานของตนเอง
3. ผลการประเมินที่พบว่า “กิจกรรมที่จัดขึ้นยังขาดความหลากหลายไม่ตรงตามที่นักเรียนมีความสนใจ” นอกจากจะจัดสรรกิจกรรมที่มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองนักเรียนแล้ว ครูผู้ดูแลกิจกรรมควรนำเสนอกิจกรรมตนเองให้เกิดความสนใจหรือเชื่อเชิญให้นักเรียนอยากเรียนรู้เป็นอันดับแรก เพราะบางครั้งกิจกรรมบางกิจกรรมเป็นกิจกรรมที่นักเรียนมีความสนใจและตรงตามความถนัดของนักเรียนเพียงแต่นักเรียนไม่เห็นคุณค่าและไม่ตระหนักในความสำคัญของกิจกรรมนั้น
|
ข้อเสนอแนะ |
ควรออกแบบการประเมินให้เป็นการประเมินเพื่อการเรียนรู้ คือ ไม่ใช้การประเมินที่ประเมินหลังจากเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรมหรือโครงการแต่เป็นการประเมินที่ควรจะควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมของนักเรียน และให้ข้อมูลย้อนกลับกับนักเรียนในทุก ๆ ขั้นตอนที่นักเรียนได้ดำเนินการไป ผลจากข้อมูลย้อนกลับในแต่ละครั้งจะส่งผลให้นักเรียนเกิดการพัฒนาหรือการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการประเมินเพื่อไม่ใช้การติดสินผลแต่เป็นการประเมินที่ส่งเสริมการพัฒนานักเรียนไปในตัว |
รูปภาพประกอบ |
|